Las Vegas Sands บริษัทธุรกิจคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก สนใจมาลงทุนที่ไทย
1 min read

Las Vegas Sands บริษัทธุรกิจคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก สนใจมาลงทุนที่ไทย

Spread the love

เมื่อไม่นานมานี้ Mr.Robert Goldstein ซีอีโอของ Las Vegas Sands บริษัทคาสิโนใหญ่สุดในโลกได้แถลงว่าบริษัทนี้สนใจที่จะเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ไทยได้จัดตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นเพื่อร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ซึ่งรวมถึงการกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคาสิโนไว้ด้วย

Las Vegas Sands เป็นบริษัทที่มีกิจการในด้านโรงแรม คาสิโน และห้างสรรพสินค้า มาจากสหรัฐอเมริกา คำเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ Sheldon Adelson, นักธุรกิจชาวยิว สัญชาติอเมริกัน, ซื้อโรงแรม Sands Hotel and Casino เพื่อดำเนินธุรกิจต่อไป ด้วยการลงทุนมูลค่า 10,500 ล้านบาท ภรรยาของ Adelson นำเสนอไอเดียในการสร้างโรงแรมที่มีความหรูหราและโรแมนติก คล้ายกับโรงแรมในเวนิส อิตาลี ที่ทั้งสองคนเคยเข้าพัก

โรงแรม Sands Hotel and Casino ถูกทำลายและสร้างใหม่เป็น The Venetian Resort Las Vegas ที่มีสถาปัตยกรรมแบบเดียวกับในเวนิส อิตาลี ความสำเร็จของ The Venetian Resort Las Vegas ส่งผลให้ Las Vegas Sands ขยายธุรกิจโรงแรมและกาสิโนไปยังต่างประเทศ เริ่มต้นจากการสร้างโรงแรม Sands Macao ในเขตบริหารพิเศษมาเก๊า ประเทศจีน พร้อมกับการเข้า IPO ในตลาดหุ้น หลังจาก IPO, Las Vegas Sands ขยายการสร้างคาสิโนและโรงแรมต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น

  • โรงแรม The Venetian Macao: ตั้งอยู่ในมาเก๊า จีน โรงแรมนี้มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและเหมือนกับเมืองเวนิสในฝรั่งเศส
  • โรงแรม Sands Casino Resort Bethlehem: ตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา โรงแรมนี้เสนอบรรยากาศที่หรูหราและการเดิมพันที่น่าตื่นเต้น
  • โรงแรม Marina Bay Sands: ตั้งอยู่ในสิงคโปร์ มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักทั่วโลก ด้วยแนวคิดและสถาปัตยกรรมที่สุดยอด และชายหาดส่วนบุคคลริมทะเลที่น่าทึ่ง
  • Sands Thailand

    Las Vegas Sands เป็นบริษัทที่มีธุรกิจหลักๆ อยู่ในสหรัฐอเมริกา เมาเก๊า และสิงคโปร์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในวงการโรงแรมและคาสิโน Las Vegas Sands ได้เสนอประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายและทันสมัยทั่วโลก
    อย่างไรก็ตามตามที่เป็นข่าว Las Vegas Sands ให้ความสนใจที่จะขยายธุรกิจของพวกเขามายังประเทศไทย และประเทศไทยได้เปิดตัวคณะกรรมาธิการเพื่อร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจมาก เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความน่าสนใจและมีการเติบโตของอุตสาหกรรมสถานบันเทิงอย่างต่อเนื่อง

    เหตุผลอะไรที่ Las Vegas Sands จึงให้ความสนใจเข้ามาเปิดคาสิโนในประเทศไทย?

    เหตุผลนั้นก็คือ ประเทศไทยเป็นเมืองที่มีความสามารถในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเจรจาของสถานการณ์นี้มองเห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศในปี 2019 ก่อนที่โลกจะเผชิญกับวิกฤติการระบาดของโรคระบาด ในช่วงนั้นประเทศไทยได้รับนักท่องเที่ยวมาถึงจำนวนกว่า 40 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดและอยู่ในอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวที่เข้ามายังมีการใช้จ่ายในระดับที่สูงด้วย ถ้าเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ที่มีการเปิดให้บริการคาสิโนแล้ว จำนวนเงินที่นักท่องเที่ยวใช้ในการชำระค่าใช้จ่ายในประเทศไทยก็ยังมีมูลค่าสูงกว่าอย่างมีความสมเหตุสมผลและเป็นไปตามความเหมาะสม

    โดยภาพรวม หากเปรียบเทียบกับประเทศที่มีคาสิโนอย่างสิงคโปร์แล้ว เม็ดเงินการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวที่มายังประเทศไทย ก็ยังเยอะกว่าสิงคโปร์พอสมควร

    ยอดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในประเทศไทยปี 2023

  • ประเทศไทย มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.2 ล้านล้านบาท
  • ประเทศสิงคโปร์ มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 0.7 ล้านล้านบาท
  • ง่ายๆ แล้วก็คือ ประเทศไทยได้รับรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่าสิงคโปร์ ที่มีคาสิโนเปิดอยู่เกือบเท่าตัวเลย ซึ่งมูลค่านี้เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการในธุรกิจนี้มองมา เพราะมันบ่งบอกถึงโอกาสที่ประเทศนั้นมีในการดำเนินธุรกิจนี้

    แต่คำถามถัดไปก็คือ ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์อะไรบ้าง?
    ส่วนที่หนึ่ง คงเป็นรัฐบาลที่จะมีรายได้มากขึ้น จากการประมูลใบอนุญาตและการเก็บภาษีที่มากขึ้น

    เรื่องของใบอนุญาตสถานบันเทิงครบวงจรในไทย

    ในร่างกฎหมายได้ระบุไว้ว่าเพื่อประกอบธุรกิจได้อย่างถูกกฎหมาย ต้องเป็นนิติบุคคลหรือบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทย และต้องมีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท การประมูลใบอนุญาตอาจแบ่งตามขนาดของการลงทุนเป็นไซต์ เช่น S, M, L และ XL โดยใบอนุญาตจะมีอายุ 20 ปี และสามารถต่ออายุได้ครั้งละไม่เกิน 5 ปี ช่วงแรกอาจมีไซซ์เดียวคือ XL ซึ่งจะต้องมีมูลค่าการลงทุน 100,000 ล้านบาทขึ้นไป โดยถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้น รัฐจะได้รับรายได้จากการประมูลใบอนุญาตหลายขนาด ซึ่งถ้าดูจากเงินลงทุนขั้นต่ำ จะเป็นจำนวนเงินที่สูงมากๆ

    ภาครัฐจัดเก็บภาษีจากธุรกิจประเภทนี้มากขึ้น

  • ภาษีคาสิโนถูกเก็บในอัตรา 17% ของรายได้ขั้นต้นที่มาจากการลงเดิมพัน โดยคำนวณจากจำนวนเงินเดิมพันลบด้วยจำนวนเงินที่ผู้เล่นชนะและได้รับเป็นรางวัล
  • ภาษีนิติบุคคลถูกเก็บโดยการใช้ระบบขั้นบันได ซึ่งอัตราภาษีจะแบ่งตามรายได้ โดยมีอัตราการเริ่มต้นที่ 20%, 25%, และ 30% ตามลำดับ โดยที่ภาษีจะถูกคำนวณจากรายได้ทั้งหมดที่นิติบุคคลได้รับก่อนหักค่าใช้จ่ายและหนี้สิน
  • การเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) มีศักยภาพในการดึงดูดการลงทุนมากกว่า 300,000 ล้านบาท และสามารถเพิ่มรายได้จากภาษีได้มากกว่า 20,000 ล้านบาทต่อปี การนี้จะมีผลต่อภาครัฐและภาคเอกชนในมุมมองต่าง ๆ

    รัฐบาลคาดหวังว่าธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ธุรกิจสนามบิน สายการบิน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า และร้านอาหาร จะได้รับอานิสงส์จากการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการ ทำให้มีการใช้จ่ายเพิ่มเติมในพื้นที่ที่มีคาสิโน

    นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น การเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวอาจส่งผลให้มีการเพิ่มกิจกรรมในธุรกิจท่องเที่ยวและมีการใช้จ่ายเงินในพื้นที่ที่มีการให้บริการของคาสิโน โดยจะสร้างโอกาสให้ธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในภูมิภาคเติบโตและพัฒนาขึ้นได้ในระยะยาว

    กำไรจากธุรกิจคาสิโนของ Las Vegas Sands 3 ปีล่าสุด

  • ปี 2021 กำไร 156,900 ล้านบาท รายได้สุทธิ ขาดทุน 35,600 ล้านบาท
  • ปี 2022 กำไร 152,300 ล้านบาท รายได้สุทธิ กำไร 67,900 ล้านบาท
  • ปี 2023 กำไร 384,400 ล้านบาท รายได้สุทธิ กำไร 45,300 ล้านบาท
  • การพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจรในประเทศไทยมีความสำคัญเนื่องจากเป็นจุดหมายท่องเที่ยวที่น่าสนใจในสายตาของชาวต่างชาติ นอกจากนี้ ยังมีผู้คนจำนวนมากในประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับการพนันและสนุกสนานในคาสิโน

    หากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง การพัฒนาสถานบันเทิงจะเป็นประโยชน์ให้แก่รัฐบาลและธุรกิจในประเทศ โดยจะมีการใช้จ่ายเพิ่มเติมจากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การตั้งคำถามเกี่ยวกับผู้ใช้บริการ และขอบเขตการให้บริการจะเป็นสิ่งสำคัญที่รัฐบาลควรพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันการใช้บริการที่ไม่เหมาะสมที่อาจเสี่ยงต่อสังคมและผู้เล่น

    การพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจรในประเทศนั้นมีความสำคัญมากและควรให้ความสำคัญในการดำเนินการอย่างรอบคอบและมีการกำกับดูแลอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์อย่างเหมาะสมและเป็นประโยชน์ที่ยั่งยืน

    Leave a Reply

    Your email address will not be published. Required fields are marked *