เนื่องด้วยโครงสร้างสโมสรและแนวทางของ คุณ เนวิน ชิดชอบ และแฟนบอลหลายๆ คนก็คงเห็นได้ว่าทาง บุรีรัมย์ ลงทุนกับอคาเดมี่สโมสรไปเยอะมาก ดังนั้น ทางสโมสร คุณเนวิน ต้องการก็คือถ้าหากเด็กในอคาเดมี่ถูกดันขึ้นมามีรายชื่อในทีมชุดใหญ่แล้วต้องได้ลงเล่น ไม่ใช่แค่มีรายชื่อในฐานะตัวสำรองหรืออย่างน้อยอาจจะส่งลงเล่นบ้างหรือไม่ได้ลงเล่นบ้าง
สิ่งที่ทาง จอร์จินโญ่ ได้ทำในช่วงเวลาที่ผ่านมา หรือจะเป็นโค้ชคนอื่นๆ ที่ได้ทำมาด้วย คือมันมีปัญหาเรื่องนี้ตั้งแต่ทางโค้ช อิชิอิ และอาเทอร์ ปาปาส แล้ว ก่อนจะมาถึง จอร์จินโญ่
โดยล่าสุดทาง จอร์จินโญ่ เองก็ออกมายอมรับแล้วว่าเขาได้ทำการยกเลิกสัญญากับทางบุรีรัมย์แล้ว ซึ่งมันทางเรื่องของ นโยบาย แนวทาง หรือแนวคิดที่มันไปด้วยกันไม่ได้ โดยสิ่งหนึ่งที่ทางโค้ชที่จะเข้ามาคุมต้องทราบก็คือ ทางบุรีรัมย์เอง มีการซื้อนักเตะหรือเสริมทัพจัดการมาให้เอง ซึ่งคนที่เข้ามารับงานต้องเข้าใจในจุดนี้และอาจจะต้องมีการแลกเปลี่ยนพูดคุยกันบ้างบางส่วน
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือช่วงหลังๆมานี้ ไม่ว่าจะเป็นใครเข้ามาคุมทีม แต่ปัญหามันก็มาแดงตอน จอร์จินโญ่ เพราะก่อนหน้านี้ที่เขาเปลี่ยนโค้ชก่อนมาถึง จอร์จินโญ่ เข้ามาก็หวังว่าจะสามารถทำตามนโยบาย หรือแนวทางของทางบุรีรัมย์ได้ตั้งเอาไว้ได้ นั้นก็คือ การดันดาวรุ่งให้ลงสนามมากขึ้น ส่งลงบ้างนิดหน่อยก็ยังดี แต่เกมเจอ อุทัยธานี ก็คือฟางเส้นสุดท้าย เพราะจริงๆแล้วทาง บุรีรัมย์ ได้แยกทางกับ จอร์จินโญ่ กันก่อนจะเตะ ฟุตบอลถ้วยลีกคัพ ในเกมที่เจอกับ เมืองทอง ไปแล้ว
เนื่องจากว่าเกมนั้นที่เจอกับ อุทัยธานี ตัวหลักลงเตะกันครบ แต่ก็มีการเปลี่ยนเด็กลงบ้าง โดยเป็นทาง ดูโชว์นี่ ที่ลงสนามไป แต่ว่าโดยรวมแล้วในแต่ละเกม มันควรจะมีการส่งเด็กลงไปเล่นบ้าง เพราะบุรีรัมย์ เองทีมก็เหนือกว่าคู่แข่งอยู่แล้ว การที่เอาต่างชาติราคาแพงๆ มา บุรีรัมย์ ไม่ได้ซื้อมาเพื่อให้ทีมดูยิ่งใหญ่อลังการเท่านั้น แต่ซื้อต่างชาติราคาแพงๆ มาเพื่อช่วยปั้นหรือฝึกซ้อมเด็กๆด้วย โดยการที่เด็กๆ ในอคาเดมี่ ได้ขึ้นมาฝึก มาเล่นร่วม กับต่างชาติดีๆ ราคาแพงๆ เด็กก็จะเก่งเร็ว เก่งตามไปด้วย แต่ก็ไม่ใช่แค่ให้มาซ้อมอย่างเดียว มันต้องให้เด็กได้ลงเล่นด้วย
ปรากฏว่าพอเด็กในอคาเดมี่ได้ซ้อมเพียงอย่างเดียว เด็กก็ไม่ค่อยได้ลงเล่น เด็กก็เลยไม่ค่อยพัฒนา อย่างเช่นทางด้าน ธนกฤต โชติเมืองปัก หายไปเลย ซึ่งกลับมาลงสนามตอนที่ จอร์จินโญ่ ไม่อยู่ นั้นคือเหตุผลที่ได้กล่าวว่ามันคือสาเหตุการแยกทางกัน
ฉะนั้น.. ไม่ว่าจะเป็นโค้ชคนไหนที่เข้ามาคุมทีมบุรีรัมย์หลังจากนี้ต้องมีผลผลิตจากอคาเดมี่ของบุรีรัมย์ขึ้นมาและได้ลงเล่น เพราะไม่อย่างนั้นก็อาจจะเกิดปัญหาเดิมๆได้ ยกตัวอย่างทีม เมืองทอง ยูไนเต็ด ช่วงหลังๆ งบทำทีมก็ไม่ค่อยเยอะ แต่สุดท้ายใช้เด็กขึ้นมา แล้วก็เอาขึ้นมาเล่นได้เลย ต่างชาติของเมืองทองเองก็ไม่ได้เวอร์หวังอลังการ แต่ทางเมืองทองมีความเชื่อมั่นโครงสร้างและการฝึกซ้อมของอคาเดมี่เขาเอง
ซึ่งทาง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เองมีทุกอย่างพร้อมอยู่แล้วทั้ง อคาเดมี่, ผู้เล่นต่างชาติดีๆ, งบสนับสนุนสโมสร ทีนี้ทางบุรีรัมย์เองต้องกลับไปทำการบ้านอีกทีว่าโค้ชคนไหนจะเข้ามาทำทีมแล้วตอบโจทย์นโยบายของทีม กล้าใช้เด็ก กล้าดันเด็กลงไปเล่น ส่วนตัวต่างชาติบุรีรัมย์เสริมมาให้ดีอยู่แล้ว
โดยถ้าจะเล่นชุดเดิมแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ มันยืนระยะไม่ได้ เพราะมันจะทำให้ทีมบุรีรัมย์เองดูเก่งเพราะตัวต่างชาติเพียงอย่างเดียว เพราะเล่นไปหลายๆ รายการแล้ว ยิ่งฤดูกาลหน้าเล่นหลายถ้วยมากที่ต้องลงเล่น ต้องดันนักเตะไทยขึ้นไปเล่นด้วย
โดยถ้ามองทีมฟุตบอลในระดับเอเชียหากต้องการประสบความสำเร็จ ตัวอย่างอย่าง เจลีก สุดท้ายแล้ววัดกันที่ตัวผู้เล่นในประเทศ ไม่ใช่ผู้เล่นตัวต่างชาติ หลังจากการแข่งขันไทยลีกนัดระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ อุทัยธานี จบลง จอร์จินโญ่ ก็ไม่ได้เป็นโค้ชของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีกต่อไป
เนื่องจากมีความแตกต่างทางความคิดบางประการ ทำให้ต้องยุติสัญญาโดยข้อตกลงร่วมกัน ทั้งสองฝ่ายจึงแยกทางกัน นี่คือสาเหตุที่จอร์จินโญ่ไม่ได้ปรากฏตัวในรอบรองชนะเลิศการแข่งขันรีโว่ คัพ ระหว่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ เมืองทองยูไนเต็ด จอร์จินโญ่ กล่าวลาแฟนบุรีรัมย์ ผ่าน ไอจีส่วนตัวว่า
มันวิเศษมากที่ผมได้เข้ามาเป็นโค้ชของ บุรีรัมย์ยูไนเต็ด ในช่วง ตลอดระยะเวลาที่ผมอยู่ที่นี่ผมมีความสุขมากที่เราสามารถคว้า แชมป์ได้ ผมพาทีมไร้พ่าย โดยทำได้ 17 ประตู และเสียเพียง 5 ประตูใน 9 นัดนี้ หนึ่งในนั้นคือ รีโว่ คัพ จากนั้นเราบรรลุข้อตกลง ในการยกเลิกสัญญาร่วมกันเนื่องจากเรามีวิธีคิดที่แตกต่างและ การจัดการที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงด้านฟุตบอล ผมขอขอบคุณคณะทำงานทั้งหมด ทีมสต๊าฟโค้ช และทีมงานมือ อาชีพทุกคนในทีม, นักเตะที่ยอดเยี่ยมมาก, เมืองบุรีรัมย์และ แฟนๆ ทุกคนที่สนับสนุนผมตลอดช่วงเวลาที่ผมอยู่กับทีม บุรีรัมย์ยูไนเต็ด
