หงส์แดง แผ่วปลาย
เกมนี้เริ่มมาเป็น ลิเวอร์พูล ที่ออกนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 2 จากการปัดบอลเข้าประตูตัวเองของ เอมี มาร์ติเนซ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ยูริ ทีเลอมองส์ ก็มาไล่ตีเสมอให้ วิลลา ได้สำเร็จ ต่อมานาทีที่ 23 โคดี กัคโป มายิงจ่อๆเผาขนให้หงส์แดงออกนำอีกครั้ง และหลังจากนั้นก็เหมือนกับว่าทีมของ เยอร์เกน คล็อปป์ จะคุมเกมเอาไว้ได้ทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้น ต้นครึ่งหลัง จาร์เรล ควอนซาห์ ยังมาโขกลูกสามตั้งแต่หัวม้วนจนสกอร์ห่างไปเป็น 3-1
เกมดูเหมือนจะเข้าทาง ลิเวอร์พูล ไปเสียหมด แต่ดูเหมือนว่านั่นเป็นการทำให้ อูไน เอเมรี ไม่มีทางเลือกและจัดการปรับมาเน้นเกมบุกแบบเต็มสูบ ซึ่งสามประสานในแนวรุกวันนี้ทั้ง โอลลี วัตกินส์, เลออน เบลีย์ และ มุสซา ดิยาบี แม้จะมีจังหวะฟาดปากกันเองบ้าง แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหากับเรื่องความพริ้วที่ดวลตัวต่อตัวแทบจะผ่านตลอด แถมยังมี จอห์น ดูราน ลงมาอีกคนในช่วงท้าย นั่นยิ่งทำให้ท้ายเกมแนวรับของหงส์แดงปั่นป่วนอย่างมาก จนมาโดน 2 ลูกรวดใน 3 นาที แถมยังเกือบแซงนำจากลูกยิงของ ดิยาบี แต่ อลิสซอน ยังเซฟไว้ได้อย่างหวุดหวิด ก่อนจะจบเกมด้วยการแบ่งแต้มไปในที่สุด
ความผิดพลาดในเกมรับของ ลิเวอร์พูล
เกมนี้เป็นอีกหนึ่งนัดที่เราเห็นได้ถึงความไร้ประสิทธิภาพในเกมรับของ ลิเวอร์พูล โดยเฉพาะการรับมือกับแนวรุกของ แอสตัน วิลลา ที่มีความเร็วสูงชนิดที่ตัวต่อตัวแทบจะผ่านตลอด จังหวะวิ่งแข่งท้าดวลเป็นรองอย่างชัดเจน แค่นั้นยังไม่พอ จังหวะเซ็ตเกมบุกเองก็มีความผิดพลาดให้เห็นหลายครั้งและ วิลลา เองก็เปลี่ยนโอกาสที่ฉวยได้เป็น 2 ประตู ซึ่งต้องยอมรับว่าวันนี้ อเล็กซิส แมค อัลลิสเตอร์ เล่นผิดฟอร์มจริงๆ กับตำแหน่งตัวพาบอลจากหลังไปหน้าที่เสียบอลง่ายไปจ่ายพลาดในลูกแรกก่อนจะมาเสียบอลหน้ากรอบในลูกสามจนโดนลงโทษเป็นบทเรียนราคาแพงที่ทีมต้องจ่ายด้วยการทำแต้มหล่นไป 2 คะแนนในค่ำคืนนี้
1 คะแนนในเกมนี้ดูเหมือนจะมีค่าอย่างมากกับ แอสตัน วิลลา ที่ตอนนี้รั้งอันดับ 4 นำ สเปอร์ส อยู่ 5 คะแนน โดยไก่เดือยทองมีเกมในมือเหลือ 2 นัดสุดท้าย ขณะที่ วิลลา เหลืออีก 1 เกม อย่างไรก็ตาม สเปอร์ส มีคิวต้องเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในคืนวันอังคารนี้ ซึ่งหากทีมของ อันเก โปสเตโคกลู ไม่ชนะคือจบทันที สิงห์ผงาดจะการันตีอันดับ 4 ไปเล่นในศึกยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าแบบไม่ต้องลุ้นเกมนัดสุดท้ายที่ต้องบุกเยือน คริสตัล พาเลซ
วิธีเดียวที่ สเปอร์ส จะแซงขึ้นที่ 4 ได้คือพวกเขาต้องชนะทั้ง แมนฯ ซิตี้ และ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด นัดสุดท้าย รวมถึงต้องลุ้นให้ วิลลา แพ้ พาเลซ ในเกมนัดปิดฤดูกาล แต่หากสิงห์ผงาดเสมอ พาเลซ ไก่เดือยทองต้องชนะทั้งสองเกมและยิงด้วยผลต่างประตูรวม 8 ลูกจึงจะแซงขึ้นมาได้ ซึ่งหากเงื่อนไขนี้เกิดขึ้นจริงนั่นหมายความว่าพวกเขามีโอกาสส่งให้ อาร์เซนอล ทีมคู่ปรับของพวกเขาคว้าแชมป์ลีกมาครองได้ในที่สุด!
VAR ทำงานหนัก
เกมนี้ทั้งจังหวะที่ได้ประตู รวมถึงหลายๆครั้งที่มีการส่งบอลสู่ก้นตาข่าย ล้วนแต่เป็นลูกก้ำกึ่งที่ดูยากทั้งสิ้น ชนิดที่ดูด้วยตาเปล่าแทบไม่ออก ขนาดหยุดภาพแล้วดู VAR ยังตัดสินได้ยาก นั่นทำให้เกมนี้ผู้ตัดสิน VAR อย่าง คริส คาวานาจ เจองานหนักที่ต้องมานั่งวัดเหลี่ยมวัดมุม ซึ่งนี่ทำให้เราเห็นว่าเป็นอีกจุดที่การตัดสินในพรีเมียร์ลีกควรต้องมีอะไรมากกว่าแค่การหยุดภาพแล้วให้กรรมการมาวัดตีเส้นเอง แม้จะช่วยได้บ้างในจังหวะที่มันชัดๆ แต่เมื่อเจอกับจังหวะที่เหลื่อมกันระดับเซนติเมตรบางทีการใช้ AI เข้ามาช่วยน่าจะทำให้เกมดูโปร่งใสและลดข้อกังขาได้มากกว่านี้