
เกิดเหตุแรงสั่นสะเทือนรุนแรงขนาด 8.2 ริกเตอร์ มีจุดศูนย์กลางในประเทศเมียนมาที่ความลึกประมาณ 10 กิโลเมตร เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 28 มีนาคม ตามรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยา ส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร
แรงสั่นสะเทือนที่ส่งมาถึงไทยทำให้อาคารระหว่างก่อสร้าง 3 แห่งได้รับความเสียหายรุนแรงจนพังถล่ม โดยเฉพาะอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ย่านจตุจักร ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ถือเป็นจุดที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 10 ราย บาดเจ็บ 16 คน และสูญหายอีกกว่า 101 คน
ภายหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวหลัก ยังตรวจพบอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกอย่างน้อย 44 ครั้ง โดยมีขนาดตั้งแต่ 3.1-5.5 ริกเตอร์ แต่ความรุนแรงมีแนวโน้มลดลงตามลำดับ

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวระบุว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่ออาคารระหว่างก่อสร้าง 3 แห่ง ประกอบด้วย:
- อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) ที่กำลังก่อสร้างบนพื้นที่กว่า 10 ไร่ ย่านจตุจักร
- เครนก่อสร้างคอนโดมิเนียมบริเวณเขตดินแดงถล่ม มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
- นั่งร้านอาคารถล่มในอีกจุดหนึ่ง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
ผู้ว่าฯ กทม. ยังย้ำว่าอาคารที่พังถล่มล้วนเป็นโครงสร้างที่อยู่ระหว่างก่อสร้างซึ่งยังมีความเปราะบาง ส่วนอาคารที่สร้างเสร็จแล้วไม่มีรายงานการถล่ม มีเพียงรอยแตกร้าวเท่านั้น เนื่องจากมาตรฐานการก่อสร้างอาคารในกรุงเทพฯ อยู่ในระดับดีมาก
จุดที่น่าวิตกที่สุดคืออาคาร สตง. แห่งใหม่ ซึ่งมีคนงานก่อสร้างประมาณ 320 คน ขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยพร้อมสุนัขตำรวจกำลังเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตที่อาจติดอยู่ใต้ซากตึก
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวระหว่างลงพื้นที่ว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบ 100 ปีสำหรับกรุงเทพมหานคร และยังมีความกังวลเรื่องอาฟเตอร์ช็อกที่อาจตามมา
โครงการก่อสร้างอาคาร สตง. แห่งใหม่ได้รับอนุมัติงบประมาณจากครม. 2,560 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2563 โดยกิจการร่วมค้าระหว่างบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูลด้วยวงเงิน 2,136 ล้านบาท