สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ดีกว่าสำหรับคนรักความหวาน?

Spread the love

เวลาที่คุณกำลังมองหาวิธีลดน้ำตาลในอาหารและเครื่องดื่มโดยไม่ต้องเสียรสชาติหวานที่คุณชื่นชอบ สารให้ความหวานแทนน้ำตาลอาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังมองหา แต่คุณรู้จักสารเหล่านี้ดีแค่ไหน? บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับสารให้ความหวานแทนน้ำตาลอย่างละเอียด

สารให้ความหวานแทนน้ำตาลคืออะไร?

สารให้ความหวานแทนน้ำตาล หรือวัตถุให้ความหวานแทนน้ำตาล เป็นสารที่มอบรสชาติหวานคล้ายน้ำตาลแต่มีพลังงานต่ำหรือไม่มีพลังงานเลย จัดเป็นวัตถุเจือปนอาหารชนิดหนึ่งที่ผู้ผลิตนิยมใส่ลงในอาหารและเครื่องดื่มทดแทนน้ำตาล เพื่อเพิ่มความอร่อยให้กับผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อลดการบริโภคน้ำตาลและลดปริมาณพลังงานที่ได้รับต่อวัน

ประเภทของสารให้ความหวานแทนน้ำตาล

สารให้ความหวานที่นิยมใช้ทดแทนน้ำตาลแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก:

สารให้ความหวานแทนน้ำตาล
อินโฟกราฟิกเกี่ยวกับสารให้ความหวานแทนน้ำตาล จาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกระทรวงสาธารณะสุข

1. สารให้ความหวานที่ให้พลังงาน (Nutritive Sweeteners)

สารประเภทนี้ยังคงให้พลังงานแต่น้อยกว่าน้ำตาลทั่วไปและร่างกายดูดซึมได้ช้ากว่า ส่วนใหญ่เป็นน้ำตาลแอลกอฮอล์ ได้แก่:

  • แมนนิทอล (Mannitol) – พบในผักและผลไม้ นิยมใช้ในหมากฝรั่งและลูกอม
  • ไซลิทอล (Xylitol) – มีความหวานใกล้เคียงน้ำตาล นิยมใช้ในยาสีฟันและหมากฝรั่ง
  • ซอร์บิทอล (Sorbitol) – ให้ความหวานน้อยกว่าน้ำตาลประมาณ 60% นิยมใช้ในอาหารและขนมสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

2. สารให้ความหวานที่ไม่ให้พลังงานหรือให้พลังงานต่ำ (Non-nutritive Sweeteners)

หรือที่รู้จักกันในชื่อ “น้ำตาลเทียม” สารเหล่านี้อาจสกัดจากพืชหรือสังเคราะห์ขึ้น มีความหวานมากกว่าน้ำตาลทั่วไปหลายเท่าจึงใช้ในปริมาณที่น้อยมาก ได้แก่:

  • แอสพาร์เทม (Aspartame) – หวานกว่าน้ำตาลประมาณ 200 เท่า
  • แซคคาริน (Saccharin) – หวานกว่าน้ำตาลประมาณ 300-500 เท่า
  • แอซีซัลเฟม โพแทสเซียม (Acesulfame Potassium) – หวานกว่าน้ำตาลประมาณ 200 เท่า
  • ซูคราโลส (Sucralose) – หวานกว่าน้ำตาลประมาณ 600 เท่า
  • สตีวิออลไกลโคไซด์ (Steviol Glycosides) – สกัดจากใบหญ้าหวาน หวานกว่าน้ำตาลประมาณ 200-300 เท่า

การอ่านฉลากผลิตภัณฑ์ที่มีสารให้ความหวานแทนน้ำตาล

เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล คุณอาจพบข้อความต่อไปนี้บนฉลาก:

  • “ปราศจากน้ำตาล (Sugar Free)” หรือ “ไม่มีน้ำตาล (Zero Sugar)” – หมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำตาลหรือมีปริมาณน้ำตาลน้อยกว่า 0.5 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค
  • “สารให้ความหวานที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ (Non-nutritive Sweetener)” – หมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้น้ำตาลเทียมเป็นส่วนประกอบ

ความปลอดภัยในการบริโภคสารให้ความหวานแทนน้ำตาลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ IQ

จากภาพอินโฟกราฟิกได้ระบุชัดเจนว่า การบริโภคสารให้ความหวานแทนน้ำตาลไม่ได้ทำให้ IQ ต่ำแต่อย่างใด หากบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม โดยมีคำแนะนำดังนี้:

  • แอสปาร์แตม (Aspartame) – ไม่ควรบริโภคเกิน 50 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน
  • แซคคาริน (Saccharin) – ไม่ควรบริโภคเกิน 15 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน

หากบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมตามคำแนะนำ จะไม่เกิดอันตรายใดๆ ต่อร่างกาย ข่าวลือเรื่องการทำให้ IQ ต่ำจึงไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ

ดีน้ำตาล หรือ แซ็กคาริน
อินโฟกราฟิกเกี่ยวกับสารให้ความหวานแทนน้ำตาล จาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่มีภาวะโรค

อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังสำหรับผู้ที่มีภาวะโรคบางประเภท โดยเฉพาะ:

  • ผู้ป่วยที่มีภาวะฟีนิลคีโตนูเรีย (Phenylketonuria หรือ PKU) – ห้ามใช้แอสปาร์แตมโดยเด็ดขาด เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบประสาทและสมองได้

ผู้ที่มีภาวะนี้จะไม่สามารถเผาผลาญกรดอะมิโนฟีนิลอะลานีน (Phenylalanine) ซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งของแอสปาร์แตม การสะสมของกรดอะมิโนนี้ในร่างกายอาจส่งผลเสียต่อสมองและระบบประสาทได้

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการบริโภคมากเกินไป

แม้ว่าสารให้ความหวานแทนน้ำตาลจะปลอดภัยในปริมาณที่แนะนำ แต่หากบริโภคมากเกินไปอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น:

  • อาการคลื่นไส้ อาเจียน
  • ท้องอืด ท้องเสีย
  • อาจทำให้ติดรสหวาน ส่งผลให้ร่างกายหิวง่ายและกินมากกว่าปกติโดยไม่รู้ตัว

ทำไมคนถึงเชื่อว่าสารให้ความหวานแทนน้ำตาลทำให้ IQ ต่ำ?

ความเข้าใจผิดนี้อาจเกิดจากหลายสาเหตุ:

  1. การบิดเบือนข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ – บางครั้งงานวิจัยในสัตว์ทดลองที่ใช้ปริมาณสารให้ความหวานที่สูงมากถูกนำมาตีความผิดๆ ว่าเกิดผลเดียวกันในมนุษย์
  2. ข่าวลือบนโซเชียลมีเดีย – การแชร์ข้อมูลผิดๆ โดยไม่มีการตรวจสอบแหล่งที่มาทำให้เกิดความเข้าใจผิดในวงกว้าง
  3. ความสับสนเรื่องผู้ป่วย PKU – ความจริงที่ว่าผู้ป่วย PKU ต้องหลีกเลี่ยงแอสปาร์แตมเพราะอาจส่งผลต่อสมอง อาจทำให้เกิดการตีความผิดว่าสารนี้ส่งผลเสียต่อสมองของคนทั่วไปด้วย

เทรนด์เครื่องดื่ม “Sugar Free” และสถานการณ์ในปัจจุบัน

ปัจจุบันเทรนด์เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล 0% หรือมีสารให้ความหวานแทนน้ำตาลกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนรักสุขภาพและผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เนื่องจาก:

  1. การตระหนักถึงปัญหาสุขภาพจากน้ำตาล – ประชาชนมีความรู้เรื่องผลเสียของการบริโภคน้ำตาลมากเกินไป เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรคหัวใจ
  2. นโยบายภาษีน้ำตาล – หลายประเทศรวมถึงไทยมีการเก็บภาษีเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง ทำให้ผู้ผลิตหันมาใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลมากขึ้น
  3. กระแสรักสุขภาพ – ความนิยมในการดูแลสุขภาพและควบคุมน้ำหนักทำให้มีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีแคลอรี่ต่ำมากขึ้น

คำแนะนำในการบริโภคสารให้ความหวานแทนน้ำตาลอย่างปลอดภัย

เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดและปลอดภัยจากการใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ควรปฏิบัติดังนี้:

  1. บริโภคในปริมาณที่เหมาะสม – ไม่เกินปริมาณที่แนะนำโดยองค์การอาหารและยา (อย.)
  2. เลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง – ตรวจสอบเครื่องหมาย อย. บนผลิตภัณฑ์
  3. อ่านฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด – เพื่อทราบชนิดและปริมาณของสารให้ความหวาน
  4. หลีกเลี่ยงการบริโภคหากมีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้อง – โดยเฉพาะผู้ป่วย PKU ควรหลีกเลี่ยงแอสปาร์แตม
  5. ลดการบริโภครสหวานโดยรวม – เพื่อไม่ให้เกิดการติดรสหวานและปรับลิ้นให้ชินกับความหวานที่น้อยลง

บทสรุป

สารให้ความหวานแทนน้ำตาลเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดการบริโภคน้ำตาลและพลังงาน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ข้อกล่าวอ้างว่าสารให้ความหวานแทนน้ำตาลทำให้ IQ ต่ำไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ

อย่างไรก็ตาม การบริโภคควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมตามคำแนะนำของหน่วยงานด้านสุขภาพ และควรระมัดระวังเป็นพิเศษในกลุ่มผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดทางการแพทย์ เช่น ผู้ป่วยโรคฟีนิลคีโตนูเรีย

ก่อนเชื่อข่าวลือใดๆ เกี่ยวกับสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ควรตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือองค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นวิทยาศาสตร์

Inside Gambling News

สายข่าวอุตสาหกรรมธุรกิจวงการพนันต่างประเทศ และผู้ติดตามข่าวสารวงพนัน, สถานบันเทิงครบวงจรในประเทศไทย

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ข่าวฮอต

เซ่นชีวิตเสียสัตว์เลี้ยงเกือบยกบ้าน จากอุบัติเหตุเครื่องอบโอโซนทำงานเอง

  • เมษายน 21, 2025
  • 14 views
เซ่นชีวิตเสียสัตว์เลี้ยงเกือบยกบ้าน จากอุบัติเหตุเครื่องอบโอโซนทำงานเอง

สหรัฐฯ ประกาศอัตราภาษีนำเข้าใหม่ตอบโต้ประเทศคู่ค้าทั่วโลก

  • เมษายน 3, 2025
  • 26 views
สหรัฐฯ ประกาศอัตราภาษีนำเข้าใหม่ตอบโต้ประเทศคู่ค้าทั่วโลก

เหตุแผ่นดินไหวใหญ่เขย่ากรุงเทพฯ 2568 8.2 ริกเตอร์ในเมียนมา คร่าไปแล้ว 10 ชีวิต-สูญหายอีกร้อยกว่า หลังอาคารในกรุงเทพฯ พังถล่ม

  • มีนาคม 29, 2025
  • 25 views
เหตุแผ่นดินไหวใหญ่เขย่ากรุงเทพฯ 2568 8.2 ริกเตอร์ในเมียนมา คร่าไปแล้ว 10 ชีวิต-สูญหายอีกร้อยกว่า หลังอาคารในกรุงเทพฯ พังถล่ม

กฏหมายคาสิโนไทยพลิก! ตีตกมีเงินเก็บ 50 ล้านถึงเข้าได้ เปลี่ยนเป็นเข้าได้ทุกคนไม่ต้องมีเงินฝาก

  • มีนาคม 4, 2025
  • 32 views
กฏหมายคาสิโนไทยพลิก! ตีตกมีเงินเก็บ 50 ล้านถึงเข้าได้ เปลี่ยนเป็นเข้าได้ทุกคนไม่ต้องมีเงินฝาก

ทหารพม่าจุดไฟเผาหมู่บ้านชาวไทยในตะนาวศรี ชาวบ้านอพยพข้ามกลับฝั่งไทย

  • กุมภาพันธ์ 18, 2025
  • 44 views
ทหารพม่าจุดไฟเผาหมู่บ้านชาวไทยในตะนาวศรี ชาวบ้านอพยพข้ามกลับฝั่งไทย

ชูวิทย์ ชี้ 8 ข้อผิดพลาด ทำให้ศาลยกฟ้อง ตู้ห่าว คดีที่สั่นสะเทือนกระบวนการยุติธรรมไทย

  • กุมภาพันธ์ 11, 2025
  • 50 views
ชูวิทย์ ชี้ 8 ข้อผิดพลาด ทำให้ศาลยกฟ้อง ตู้ห่าว คดีที่สั่นสะเทือนกระบวนการยุติธรรมไทย

อินเดียเร่งตรวจสอบ สาเหตุผมร่วงปริศนาในรัฐมหาราษฏระ กว่า 200 ราย

  • กุมภาพันธ์ 2, 2025
  • 48 views
อินเดียเร่งตรวจสอบ สาเหตุผมร่วงปริศนาในรัฐมหาราษฏระ กว่า 200 ราย

ความหวังใหม่ ผู้ได้รับการปลูกถ่ายไตจากหมู ผ่านไป 2 เดือนยังสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี

  • มกราคม 29, 2025
  • 53 views
ความหวังใหม่ ผู้ได้รับการปลูกถ่ายไตจากหมู ผ่านไป 2 เดือนยังสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี

พระปลัดรองเจ้าอาวาสวัดป่าวังน้ำเย็น มหาสารคาม มีข่าวฉาว เปย์สีกาไม่ยั้ง ซื้อรถ โอนเงินเลี้ยงดูหรูหรา

  • พฤศจิกายน 5, 2024
  • 55 views
พระปลัดรองเจ้าอาวาสวัดป่าวังน้ำเย็น มหาสารคาม มีข่าวฉาว เปย์สีกาไม่ยั้ง ซื้อรถ โอนเงินเลี้ยงดูหรูหรา

โรดรี และไอตาน่า บอนมาตี้ คว้ารางวัลบัลลงดอร์ชายและหญิง

  • ตุลาคม 29, 2024
  • 65 views
โรดรี และไอตาน่า บอนมาตี้ คว้ารางวัลบัลลงดอร์ชายและหญิง