กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเกี่ยวกับ พายุจ่ามี ฉบับที่ 11 ระบุว่า เมื่อเวลา 4.00 น. ของวันที่ 27 ตุลาคม 2567 พายุโซนร้อนกำลังแรง จ่ามี ซึ่งอยู่ในทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางห่างจากเมืองดานัง ประเทศเวียดนามไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 130 กิโลเมตร โดยมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางสูงสุดประมาณ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะขึ้นฝั่งที่เวียดนามตอนกลางในวันนี้ แม้ว่าพายุนี้จะไม่เข้ามาสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ผลจากลมตะวันตกและลมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังแรงจะส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ซึ่งบางพื้นที่อาจมีฝนตกหนักถึงหนักมาก รวมถึงลมกระโชกแรง
หลังจากวันที่ 27 ตุลาคม พายุนี้คาดว่าจะเคลื่อนตามแนวชายฝั่งเวียดนามและเปลี่ยนทิศทางออกไปสู่ทะเลจีนใต้อีกครั้งในช่วงวันที่ 28–29 ตุลาคม 2567 ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณฝนในพื้นที่ตอนบนของประเทศไทยลดลง
ในขณะเดียวกัน ลมตะวันตกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้นระหว่างวันที่ 27–29 ตุลาคม 2567 ส่งผลให้ภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่อง โดยมีบางพื้นที่ที่อาจมีฝนตกหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในบางจุด โดยเฉพาะในพื้นที่ลาดเชิงเขาและใกล้ทางน้ำไหล
พื้นที่ที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในวันที่ 27 ตุลาคม 2567 ประกอบไปด้วย:
- ภาคเหนือ: พิจิตร, พิษณุโลก, และเพชรบูรณ์
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: สกลนคร, นครพนม, มุกดาหาร, ร้อยเอ็ด, ยโสธร, อำนาจเจริญ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ, และอุบลราชธานี
- ภาคกลาง: สุพรรณบุรี, สิงห์บุรี, อ่างทอง, ลพบุรี, สระบุรี, พระนครศรีอยุธยา, นครปฐม, สมุทรสาคร รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
- ภาคตะวันออก: นครนายก, ปราจีนบุรี, สระแก้ว, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, และตราด
- ภาคใต้: พังงา, ภูเก็ต, ตรัง, และสตูล
พายุจ่ามี วันที่ 28 ตุลาคม 2567
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: มุกดาหาร, อำนาจเจริญ, และอุบลราชธานี
- ภาคใต้: สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, พัทลุง, สงขลา, ระนอง, พังงา, ภูเก็ต, กระบี่, ตรัง, และสตูล
พายุจ่ามี วันที่ 29 ตุลาคม 2567
- ภาคใต้: ชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, พัทลุง, สงขลา, ระนอง, พังงา, ภูเก็ต, กระบี่, ตรัง, และสตูล
คลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยคลื่นในทะเลอันดามันตอนล่างจะสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และในพื้นที่ฝนฟ้าคะนองอาจมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือควรใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือและหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
กรมอุตุนิยมวิทยาขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากหน่วยงานอย่างใกล้ชิด สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา