วันที่ 8 ตุลาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคและการละเมิดทรัพย์สิน (สอท.) ได้จับกุมตัว นางยุวดี ชัยศิริพาณิชย์ หรือที่รู้จักกันในนาม “เชฟอ้อย” อายุ 54 ปี ชาวจังหวัดพิษณุโลก ตามหมายจับของศาลแขวงบางบอน ในข้อหายักยอกทรัพย์สิน
เบื้องหลังคดีความ
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นปี 2567 เมื่อผู้เสียหายได้รู้จักกับเชฟอ้อยผ่านรายการโทรทัศน์ และประทับใจในฝีมือการทำอาหารของเธอ จึงติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์ร้านอาหารจากเชฟอ้อย ในระหว่างการพูดคุยนั้น เชฟอ้อยได้ทราบว่าผู้เสียหายมีทองคำ เพชร และพระเครื่องมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ที่ต้องการจะนำมาขายเพื่อใช้เงินลงทุนในธุรกิจร้านอาหาร
เชฟอ้อยจึงเสนอตัวเป็นนายหน้าในการนำทรัพย์สินเหล่านั้นไปขายให้ และด้วยความเชื่อใจในชื่อเสียงของเชฟอ้อย ผู้เสียหายจึงยอมให้เธอนำทรัพย์สินไปขาย แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ทราบในภายหลังว่า เชฟอ้อยได้นำทรัพย์สินเหล่านั้นไปจำนำเพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในธุรกิจร้านอาหารของตัวเอง แทนที่จะนำไปขายตามที่ได้รับมอบหมาย
ติดตามจับกุมหลังหลบหนี
เมื่อผู้เสียหายทวงถามขอทรัพย์สินคืนแต่ถูกบ่ายเบี่ยง จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางบอน เพื่อดำเนินคดีกับเชฟอ้อย แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ออกหมายเรียกให้เชฟอ้อยเข้าพบเพื่อให้การ เธอกลับหลบเลี่ยงไม่มาตามนัด ทำให้ต้องขออนุมัติศาลออกหมายจับ
จนในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็สามารถติดตามจับกุมตัวเชฟอ้อยได้ที่บริเวณห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านศรีนครินทร์ โดยเบื้องต้นเชฟอ้อยให้การรับสารภาพแล้ว ก่อนจะถูกควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากเชฟดังสู่ผู้ก่อคดียักยอก
นางยุวดี หรือเชฟอ้อย เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างหลังเข้าร่วมรายการเชฟกระทะเหล็ก หรือ Top Chef Thailand ซึ่งเธอมีฝีมือในการทำอาหารสไตล์ Asian Modern Cuisine ที่โดดเด่นทั้งทักษะและการนำเสนอ ทำให้ชื่อเสียงของเธอเป็นที่รู้จักมากขึ้น
ปัจจุบันเชฟอ้อยเป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดัง และมีธุรกิจลูกชิ้นทำเองขายตามงานอีเวนต์ต่างๆ รวมถึงโปรเจกต์ก๋วยเตี๋ยวแซ่บแห้งจงอางหวงไข่ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก จนต้องมีลูกค้าต่อคิวรอซื้อยาวเหยียด ก่อนจะขยายธุรกิจไปสู่ระบบแฟรนไชส์ แต่กลับมาเกิดคดีความยักยอกทรัพย์สินลูกค้าในที่สุด
การกระทำของเชฟอ้อยครั้งนี้นับเป็นการทำลายชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือที่เธอสร้างสมมาอย่างยาวนาน และเป็นบทเรียนราคาแพงว่า ไม่ว่าจะมีชื่อเสียงเพียงใด หากขาดจริยธรรมและคุณธรรมแล้ว ก็ย่อมตกเป็นผู้กระทำผิดได้เสมอ