เมื่อคืนวันที่ 10 กันยายน หรือเวลา 09.00 น. ของวันนี้ตามเวลาประเทศไทย การดีเบตนัดแรกระหว่างผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต และโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ได้จัดขึ้นที่เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลวาเนีย ท่ามกลางสายตาจากชาวอเมริกันและประชาคมโลก
สู้คารมดุเดือด แฮร์ริสฝ่ายรุก ทรัมป์ฝ่ายรับ
การดีเบตครั้งนี้ครอบคลุมหลากหลายประเด็นร้อน ทั้งเศรษฐกิจ พลังงาน นโยบายผู้อพยพ กฎหมายทำแท้ง และเหตุการณ์จลาจลบุกรัฐสภาเมื่อปี 2021 ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างปะทะกันอย่างดุเดือด โดยแฮร์ริสดูเหมือนจะเป็นฝ่ายบุกรุกมากกว่า ให้คำตอบประเด็นต่างๆ อย่างมีเหตุผลและชัดเจน ทำให้ทรัมป์ต้องเป็นฝ่ายตั้งรับและแสดงอาการหงุดหงิดหลายครั้ง
ฉากเริ่มต้นสะท้อนความมั่นใจของแฮร์ริส
ภาพประทับใจเริ่มตั้งแต่แฮร์ริสเดินเข้าไปจับมือทรัมป์ก่อนกล่าวว่า “มาดีเบตกันให้สนุก” ซึ่งสะท้อนความมั่นใจและไม่ยำเกรงใดๆ ของเธอ ต่างจากทรัมป์ที่เพียงแค่ตอบกลับว่า “ดีใจที่ได้เจอคุณ” หนึ่งในจังหวะที่แฮร์ริสทำให้ทรัมป์โกรธจนระเบิดอารมณ์ คือการที่เธอเรียกร้องให้ผู้ชมฟังการหาเสียงของทรัมป์ ซึ่งจะพูดในเรื่องแปลกๆ อย่างเช่นกังหันลมทำให้เกิดมะเร็ง ก่อนจะแสดงอาการขบขันและบอกว่าผู้ชมคงจะหนีไปเพราะความเบื่อหน่ายในสิ่งที่ทรัมป์พูด
ทรัมป์ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักหลายประเด็น
เหตุจลาจลบุกรัฐสภา ทรัมป์ปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
หนึ่งในประเด็นที่แฮร์ริสโจมตีทรัมป์หนักคือกรณีที่ทรัมป์พยายามพลิกผลการเลือกตั้งในปี 2020 ซึ่งนำไปสู่เหตุจลาจลบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 แม้ทรัมป์จะยืนกรานว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ก่อจลาจล แต่แฮร์ริสชี้ว่าประชาชนอเมริกันต้องไม่ได้ประธานาธิบดีที่พยายามโค่นล้มเจตจำนงของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และวิจารณ์ว่าทรัมป์กำลังถูกผู้นำโลกหัวเราะเยาะ เรียกเขาว่าเป็นคนน่าละอาย
ใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นอาวุธ
ทั้งทรัมป์และแฮร์ริสต่างกล่าวหากันว่าใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นอาวุธ โดยทรัมป์อ้างว่าข้อกล่าวหาต่างๆ ที่เขาต้องเผชิญ ล้วนเป็นผลจากการสมคบคิดกันของแฮร์ริสและไบเดน ที่สร้างเรื่องขึ้นโดยไม่มีหลักฐานสนับสนุน ขณะที่แฮร์ริสโต้กลับโดยชี้ให้เห็นว่าทรัมป์เคยประกาศจะดำเนินคดีกับศัตรูหากเขาชนะการเลือกตั้งสมัยที่ 2
วิวาทะแบ่งแยกเชื้อชาติ
ทรัมป์ถูกถามในประเด็นการแบ่งแยกเชื้อชาติว่าทำไมเขาจึงตั้งคำถามต่อสาธารณชนว่าแฮร์ริสซึ่งเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกาและเอเชียใต้เป็นผู้หญิงผิวดำจริงหรือไม่ ซึ่งทรัมป์ตอบกลับอย่างคลุมเครือ ขณะที่แฮร์ริสกล่าวหาว่าทรัมป์ใช้ประเด็นเรื่องเชื้อชาติในการแบ่งแยกชาวอเมริกันตลอดอาชีพการงานของเขา
โต้กันดุเดือดเรื่องนโยบายต่างประเทศ
ประเด็นที่มีการโต้แย้งดุเดือดอีกประเด็นหนึ่งคือนโยบายด้านการต่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ทรัมป์ปฏิเสธที่จะพูดว่าเขาต้องการให้ยูเครนชนะสงคราม ขณะที่แฮร์ริสแย้งว่าสิ่งที่ทรัมป์ต้องการจริงๆ คือการที่ยูเครนยอมจำนนอย่างรวดเร็วและไม่มีเงื่อนไข พร้อมกล่าวว่า “ถ้า โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน คงจะนั่งอยู่ที่เคียฟในตอนนี้”
แฮร์ริสเหนือกว่าตามโพลผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
สำหรับคำถามว่าใครชนะในการดีเบตรอบแรกนี้ สื่อหลายสำนักเผยผลสำรวจของผู้มีสิทธิลงคะแนนที่ให้แฮร์ริสเป็นผู้ชนะทรัมป์ด้วยคะแนนนำห่างพอสมควร บางสำนักมองว่าทรัมป์น่าจะทำได้ดีกว่านี้หากเขานิ่งและพยายามตอบคำถามให้ชัดเจนมากขึ้น