ร่างกรอบความตกลง PCA ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้วนั้น ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปและประเทศสมาชิก 27 ประเทศ ให้มีความรอบด้านและเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
กรอบความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการขยายการหารือ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และส่งเสริมความร่วมมือในสาขาต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การพัฒนาที่ยั่งยืน สิทธิมนุษยชน นวัตกรรม และความมั่นคง เพื่อให้มีทิศทางและแนวปฏิบัติที่ชัดเจนในระยะยาว บนพื้นฐานหลักการที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกัน
นอกจากนี้ กรอบความร่วมมือยังกำหนดให้มีการจัดตั้งองค์กรร่วมหรือคณะกรรมการร่วม เพื่อติดตามและขับเคลื่อนความร่วมมือในแต่ละสาขา รวมถึงเป็นกลไกสำคัญในการหารือประเด็นที่อาจมีข้อขัดแย้งหรือข้อกังวล เพื่อหาทางออกร่วมกันอย่างเป็นระบบและรักษาศักดิ์ศรี
สำหรับประโยชน์ที่ไทยจะได้รับนั้น ทั้งสหภาพยุโรปและประเทศสมาชิกจะจัดสรรทรัพยากร งบประมาณ และบุคลากรมาสนับสนุนความร่วมมือกับไทย ช่วยยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการของไทยในด้านต่างๆ ให้ทันสมัย มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในด้านเศรษฐกิจการค้า จะช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับการเจรจาความตกลงการค้าเสรี รวมถึงการปรับตัวเข้าสู่มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม และอำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายดำเนินธุรกิจระหว่างกันได้ง่ายขึ้น
ด้านสังคมและทรัพยากรมนุษย์ ไทยจะได้รับการสนับสนุนในการพัฒนาศักยภาพเยาวชน รวมถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน
นอกจากนี้ กรอบความร่วมมือยังเปิดโอกาสให้ไทยสามารถผลักดันประเด็นที่ต้องการการสนับสนุนจากสหภาพยุโรป เช่น การขอยกเว้นวีซ่า รวมถึงการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในประเด็นที่ไทยมีบทบาทนำ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศบนเวทีโลก
ดังนั้น กรอบความตกลง PCA ฉบับนี้จึงถือเป็นความสำเร็จของการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐไทยทุกภาคส่วน ที่จะส่งผลประโยชน์โดยรวมต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชนไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม